19-22 มิถุนายน 2567

ใส่ใจความปลอดภัย หยั่งรากให้อุตสาหกรรมไทยยั่งยืน

นับตั้งแต่ประเทศไทยร่วมเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุตสาหกรรมสมัยใหม่ โครงสร้างของโรงงานและการออกแบบสายการผลิตก็มีวิวัฒนาการเรื่อยมา เช่นเดียวกับกฎหมายที่กำกับดูแลให้เกิดความเรียบร้อยและปลอดภัย ยิ่งปัจจุบันนี้มีการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ ก็ยิ่งช่วยให้เกิดความปลอดภัยกับผู้ที่เกี่ยวข้องในสายการผลิต และส่งเสริมให้โรงงานรับผิดชอบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

 

กว่าสามทศวรรษแห่งการรณรงค์ความปลอดภัยในการทำงาน

“สมาคมส่งเสริมความปลอดภัยและอนามัยในการทำงาน (ประเทศไทย) ในพระราชูปถัมป์ฯ ก่อตั้งขึ้นเพื่อส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงานและนอกงานในหลายรูปแบบ รวมทั้ง การ ให้คำปรึกษาด้านกฎหมายและมาตรฐานความปลอดภัยในการทำงาน และการตรวจวัดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เป็นต้น ตลอดระยะเวลากว่า 34 ปี สมาคมฯ ได้ร่วมงานกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน และมีเครือข่ายนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญความปลอดภัยหลากหลายสาขา สถานประกอบกิจการต่างๆ จึงไว้วางใจ ส่งบุคลากรมาอบรมองค์ความรู้ตามที่กฎหมายกำหนดกับสมาคมฯ ปีละกว่าแสนคน

นอกจากภารกิจที่กล่าวมาแล้ว สมาคมฯ ยังรณรงค์สร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยเชิงป้องกัน ผ่านโครงการเช่น “Vision Zero” ที่นำยุทธศาตร์กฎทอง (กฎแห่งคุณธรรม) 7 ประการ มาปรับใช้เพื่อให้อุบัติเหตุจากการทำงานเป็น "ศูนย์" และโครงการ “S- Mark” ที่รับรองมาตรฐานของอุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคล นอกจากนี้ ยังจัดกิจกรรมเพื่อสังคมภายใต้แนวคิด "SHAWPAT CSR ห่วงใย ใส่ใจสังคม” ที่สนับสนุนทุกกลุ่มอุตสาหกรรมผ่านการให้ความรู้และทัศนคติที่ดีด้านความปลอดภัย ให้ความรู้ที่ครอบคลุมอุบัติเหตุจากการทำงาน รวมถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับงานก่อสร้าง รวมถึงทิศทางการบริหารจัดการความปลอดภัยด้านงานก่อสร้างในอนาคต เพื่อให้แรงงานได้มีความรู้ความเข้าใจ มีทัศนคติที่ถูกต้อง”

 

ผู้ผลิตควรคำนึงถึงปัจจัยรอบด้านในการฟื้นฟูธุรกิจยุคโควิด-19

“หลังจากภาครัฐมีการคลายล็อกดาวน์ให้ภาคการผลิต ผู้ประกอบการควรศึกษาแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในช่วงต่อจากนี้ โดยเพิ่มมาตรการด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัย เพื่อยับยั้งการระบาดของโรค คำนึงถึงศักยภาพจากฐานเดิมที่มีอยู่และโอกาสภายใต้บริบทวิถีชีวิตใหม่ ตลอดจนความสอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาประเทศไทยในระยะยาวเพื่อสร้างแผนธุรกิจแบบบูรณาการ 

 

เชื่อมั่นในการผนึกกำลังผ่านเครือข่ายธุรกิจและงานแสดงสินค้า

“ในการที่ผู้ประกอบการจะค้นพบองค์ความรู้และเครือข่ายใหม่ๆ ทางธุรกิจ การพบปะบุคลากรจากธุรกิจที่หลากหลายมีส่วนช่วยได้ ซึ่งงาน FACTECH ก็จัดเป็นการรวมตัวครั้งสำคัญของผู้ประกอบการที่ตอบโจทย์ เพราะในงานจะมีการนำเสนอเครื่องมือ เทคโนโลยีที่ทันสมัย พร้อมช่องทางและนวัตกรรมในการก่อสร้าง ซ่อมบำรุง บริหารทรัพยากรสิ่งแวดล้อมที่มีประสิทธิภาพ นับได้ว่าครอบคลุมเทคโนโลยีทุกประเภทที่ใช้ในสถานประกอบกิจการและโรงงานอุตสาหกรรม จึงเป็นพื้นที่สำคัญในการแบ่งปันวิสัยทัศน์ทางธุรกิจหลังจากที่ผู้ประกอบการผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 กระตุ้นให้เกิดการเชื่อมโยงของคนในวงการ เพื่อต่อยอดธุรกิจอย่างมีเสถียรภาพร่วมกันในอนาคต”