19-22 มิถุนายน 2567

ทำไมต้องมี KPI ในอุตสาหกรรมการผลิต KPI จะช่วยให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมการผลิตเติบโตได้อย่างไร

- KPI เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมการผลิตต้องมี เพื่อเพิ่มความโปร่งใส ช่วยทำให้การตัดสินใจทางธุรกิจแม่นยำหรือมีโอกาสผิดพลาดได้น้อย ปรับปรุงความสัมพันธ์กับลูกค้าให้ดีขึ้น
- เลือกใช้ KPI ที่สำคัญและเป็นประโยชน์ที่สุด คือ การวัดประสิทธิผลโดยรวมของเครื่องจักร (OEE), เวลาหยุดทำงานของเครื่องจักร, การติดตามผลผลิต ต้นทุน ปริมาณงาน, การปฏิเสธของลูกค้า, เวลานำส่งลูกค้า และการหมุนเวียนของสินค้าคงคลัง
- KPI ที่ดีต้องสามารถทำให้เป็นจริงได้ ไม่ใช่วาดฝันสวยหรูแต่เลื่อนลอย


การผลิตเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมระดับโลกที่ใหญ่ที่สุด แม้ว่าการปฏิวัติอุตสาหกรรมจะสิ้นสุดลงไปนานแล้ว แต่อุตสาหกรรมนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย ในฐานะที่อุตสาหกรรมการผลิตเป็นอุตสาหกรรมที่เป็นฟันเฟืองหลักของเศรษฐกิจ มีการแข่งขันสูงและเต็มไปด้วยแรงกดดันมหาศาลที่จะต้องผลิตสินค้าอย่างรวดเร็วและราคาแข่งขันได้  ซึ่งการมี KPI หรือ ดัชนีชี้วัดผลงานหรือความสำเร็จของงาน จะช่วยทำให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมนี้ทำธุรกิจได้อย่างรู้เท่าทัน

เพิ่มความโปร่งใส การวิเคราะห์มาตรวัดที่สำคัญช่วยให้มั่นใจได้ว่าเมื่อใดถึงเวลาผลิตที่ต้องเพิ่มขึ้นและช่วยการมองเห็นเวิร์กโฟลว์ ช่วยวัดว่าสามารถตอบสนองความคาดหวังของลูกค้าอย่างสม่ำเสมอหรือไม่ ทราบถึงเหตุการณ์ด้านสุขภาพและความปลอดภัยที่เกิดขึ้นในภายในโรงงานว่ามีกี่ครั้งในช่วง 30 ถึง 90 วันที่ผ่านมา รวมถึงสามารถที่จ้างพนักงานเพิ่มในช่วงเทศกาลวันหยุดได้หรือไม่ การตอบคำถามเหล่านี้และคำถามอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องช่วยให้เข้าใจวิธีการทำงานของบริษัทและแก้ไขปัญหาคอขวดเพื่อเพิ่มผลผลิตและรายได้

ช่วยทำให้การตัดสินใจทางธุรกิจแม่นยำหรือมีโอกาสผิดพลาดได้น้อย การตัดสินใจที่ถูกต้องก็เหมือนกับการงมเข็มในมหาสมุทร หากไม่มีรายละเอียดที่จำเป็นทั้งหมด แต่ KPI ช่วยให้สามารถตรวจจับข้อมูลที่อาจพลาดหรือมองข้ามไปโดยสิ้นเชิงตัวอย่างเช่น อาจมีเครื่องมือจักรเก่าที่ทำให้เกิดการหยุดทำงานโดยไม่คาดคิดมากกว่าปกติ ค่าบำรุงรักษาตาม KPI ต่อหน่วยสามารถแจ้งให้ทราบว่าซ่อมแซมเครื่องจักรนี้บ่อยเพียงใด และช่วยให้ตัดสินใจได้ว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไรดี

ปรับปรุงความสัมพันธ์กับลูกค้าให้ดีขึ้น เพราะอุตสาหกรรมการผลิตไม่ใช่แค่การผลิตสินค้าแล้วส่งให้กับลูกค้าก็เป็นอันจบสิ้นเท่านั้น แต่การให้ความสำคัญกับการติดต่อสื่อสารในทุกช่วงตั้งแต่เริ่มมีคำสั่งซื้อกระทั่งส่งมอบสินค้า และรับทราบฟีดแบ็กหลังจากลูกค้าได้รับสินค้าแล้ว จะทำให้ผู้ผลิตสามารถรักษาความสัมพันธ์ที่ดีงามกับลูกค้าได้ในระยะยาว

สำหรับ KPI ที่ "ต้องมี" หรือจัดได้ว่าสำคัญที่สุดและมีประโยชน์มากที่สุดสำหรับอุตสาหกรรมการผลิต ได้แก่ การวัดประสิทธิผลโดยรวมของเครื่องจักร (OEE) คือวิธีการคำนวณความสามารถในการทำงานทั้งหมดของเครื่องจักรภายในโรงงาน ด้วยการอ้างอิงจากปัจจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องและสรุปออกมาเป็นตัวเลข  ซึ่งสามารถให้เห็นภาพรวมว่ากระบวนการผลิตเป็นอย่างไร หาก OEE เริ่มทำงานผิดพลาดเพียงเล็กน้อย แสดงว่ามีบางอย่างผิดปกติที่เกี่ยวกับความพร้อมใช้งาน ประสิทธิภาพของเครื่องจักร และคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่ผลิต (คุณภาพเทียบกับของเสีย)

KPI ต่อมา คือ เวลาหยุดทำงานของเครื่องจักร เพราะเป็นหัวใจสำคัญของการผลิต เมื่อโรงงานมีเวลาหยุดทำงานมากเกินไปย่อมส่งผลเสียต่อบริษัท เมื่อเราเข้าใจว่าการหยุดทำงานเกิดขึ้นที่ใดและเหตุใดจึงเกิดขึ้น จะสามารถแก้ไขปัญหาและวางแผนรับมือเชิงรุกได้ ขณะที่การติดตามผลผลิต และต้นทุน ก็มีความสำคัญเช่นกันในการปรับผลกำไรของโรงงานให้เหมาะสม เช่นเดียวกับการวัดปริมาณงาน หรือวัดปริมาณของผลิตภัณฑ์ที่ผลิตขึ้นในช่วงเวลาหนึ่ง ๆ จะทำให้เราเข้าใจว่าเครื่องจักรใดมีประสิทธิภาพการทำงานเป็นอย่างไร และเครื่องจักรใดมีประสิทธิภาพต่ำกว่าเกณฑ์

นอกจากนี้ KPI ที่จะขาดไม่ได้เลยก็คือ การทำความเข้าใจว่าผลิตภัณฑ์ของบริษัทเป็นอย่างไรหลังจากที่ลูกค้ามีผลิตภัณฑ์อยู่ในมือแล้ว (หรือเมื่อลูกค้าส่งกลับคืนมา) เพราะฉะนั้นมาตรวัดลูกค้าที่สำคัญประการหนึ่งคือ การปฏิเสธของลูกค้า การปฏิเสธมากเกินไปบ่งชี้ถึงปัญหาในกระบวนการผลิต รวมถึงเวลานำส่งลูกค้า ซึ่งคำนวณจากระยะเวลาในการดำเนินการตามคำสั่งซื้อหรือระยะเวลาที่ใช้ในการดำเนินการตามคำสั่งซื้อของลูกค้า รวมถึงเวลาในการผลิต ซึ่งหมายถึงระยะเวลาที่ใช้ในการผลิตสินค้าที่สั่งซื้อ และเวลานำส่งหรือเวลาที่ควบคุมคุณภาพและจัดส่งว่าเป็นไปตามข้อตกลงที่ให้ไว้กับลูกค้าหรือไม่

KPI สุดท้ายที่ขาดไม่ได้คือ การหมุนเวียนของสินค้าคงคลัง เป็นการวัดความถี่ของการหมุนเวียนของสินค้าคงคลัง  หากสินค้าคงคลังของคุณหมุนเวียนเร็วกว่าที่โรงงานจะผลิตสินค้าได้ นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าจะต้องปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ในทางกลับกันหากการหมุนเวียนต่ำเกินไป อาจหมายถึงการเก็บผลิตภัณฑ์ไว้นานเและเสียค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษามากเกินไป

อย่างไรก็ตาม KPI ในการผลิตที่ดีต้องสะท้อนถึงเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ ดังนั้นก่อนที่จะเลือก KPI ต้องรู้ว่าบริษัทต้องการบรรลุเป้าหมายอะไร เพราะหลังจากตั้งเป้าหมายแล้ว KPI จะช่วยวัดว่าหนทางไปสู่เป้าหมายนั้นมีความคืบหน้าอย่างไร นอกจากนี้ ต้องเป็นปริมาณและวัดได้ รวมถึงมีความเป็นไปได้และดำเนินการได้จริง ไม่มีเหตุผลในการกำหนดเป้าหมายที่เพ้อฝัน เลื่อนลอย และไม่สามารถบรรลุได้ เช่นเดียวกับที่ไม่มีเหตุผลในการติดตามมาตรวัดไร้สาระที่ไม่ได้สะท้อนถึงสถานะการดำเนินงานใด ๆ ของบริษัท

โปรดติดตาม FTC Blog เพื่ออัพเดทข่าวคราวความเคลื่อนไหวและข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมการผลิตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงร่วมค้นหาคำตอบสำหรับทุกโจทย์ความต้องการการออกแบบและสร้างโรงงาน ระบบการบริหารจัดการพลังงานในโรงงาน การดูแลรักษาความปลอดภัย การบำรุงรักษาโรงงาน จากผู้ให้บริการจากทั่วโลก เพื่อโรงงานที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในงาน "แฟ็กเทค 2023" ระหว่างวันที่ 21-24 มิถุนายน 2566 ณ ไบเทค บางนา


ที่มา

https://www.upkeep.com/learning/what-are-the-best-metrics-and-kpis-for-manufacturing-companies?fbclid=IwAR3AymkPHhltcM__QKxqNukXCSZk7-QOI8OefyeEUHcA6j1S_eGZq_yAwJk
https://www.selecthub.com/enterprise-resource-planning/manufacturing-kpis-erp-software/